SAKE DAY 1: SAKE 101
- jinnysales
- Feb 27
- 3 min read
Updated: Mar 20
ภาษาไทยเลื่อนลงไปด้านล่างนะคะ :)
Choosing the right sake can feel more complex than picking umeshu or wine, especially with Japanese labels and a wide range of styles. Sake is primarily classified by its rice polishing ratio and whether alcohol has been added.
To make things easier, PRUMPLUM has created a simple, easy-to-follow guide with essential tips to help you select the perfect bottle.

1. Know the Different Types of Sake
Sake varies in style based on how much the rice is polished and whether alcohol is added. Some main types:
Junmai (純米) – Pure rice sake, full-bodied and rich.
Honjozo (本醸造) – Slightly lighter, with added alcohol.
Ginjo (吟醸) – Fragrant and refined, made with more polished rice.
Daiginjo (大吟醸) – Super premium, aromatic, and smooth.
Nigori (濁り) – Cloudy, unfiltered, and slightly sweet.
Sparkling Sake – Light, bubbly, and refreshing.
2. Consider Sweetness & Acidity
Sake has a SMV (Sake Meter Value):
SMV +5 and above = Dry (辛口, karakuchi)
SMV 0 to -5 = Sweet (甘口, amakuchi)
Higher acidity means a sharper taste, while lower acidity makes it smoother.
3. Choose the Right Serving Style
Some sake is best chilled (Ginjo, Daiginjo).
Others are good warm (Junmai, Honjozo).
Nigori and sparkling sake are usually served cold.
4. Check the Alcohol Content
Most sake has 14-16% ABV, stronger than wine but lighter than whiskey.
Sake Bar Hopping with Jinny in OSAKA, JAPAN
If you're planning a trip to Osaka, I highly recommend this sake bar!
Nihonshu Bar Hatakeyama 日本酒BAR 畠山
Closed on Tuesdays🕕 Open from 18:00 - 03:00
This sake bar is incredibly charming and welcoming! The owner runs everything by himself, and his hospitality is truly exceptional. He’s super friendly and fun to talk to, making this one of the most memorable sake bars I’ve ever visited.
The bar offers a wide variety of sake, from standard selections to rare, premium bottles. You can order a tasting flight to try different kinds, get a glass, or even open a whole bottle—all at reasonable prices. Plus, they serve small dishes, so you won’t have to worry about drinking on an empty stomach.
Since the bar stays open late and is easily accessible, it’s a must-visit if you're in Osaka! Don’t miss out! ><
P.S. Stay tuned for SAKE DAY 2 next week! See you again soon! 🍶✨
สาเก วันที่ 1
การเลือกซื้อสาเก อาจจะดูยุ่งยากและซับซ้อน ด้วยฉลากที่เป็นภาษาญี่ปุ่น และ คาแรคเตอร์ที่หลากหลาย หลักๆสาเกจะแบ่งประเภทตามลักษณะการขัดสีข้าวและการเติมหรือไม่ได้เติมแอลกอฮอลล์กลั่นลงไป พรำพลัมได้เขียนทริคสั้นๆ เข้าใจง่าย ในการเลือกซื้อสาเกประเภทหลักๆมาให้อ่านกันค่ะ
1. สาเกมีประเภทไหนบ้าง
สาเกมีหลายประเภทขึ้นอยู่กับระดับการขัดสีข้าวและการเติมแอลกอฮอล์
(สามารถดูเพิ่มเติมได้ที่)https://www.nrib.go.jp/English/sake/pdf/guidesse01.pdfhttps://sake-world.com/about-sake/types-of-sake/
แต่ชนิดของสาเกที่พบได้บ่อย และเป็นที่นิยมเราเลือกมาแนะนำดังนี้ค่ะ
Junmai (純米) – สาเกที่ใช้เพียงวัตถุดิบหลัก คือ ข้าว น้ำ และโคจิ ไม่มีแอลกอฮอล์เติมแต่ง
รสเข้มข้นและหนักแน่น
Honjozo (本醸造) – มีการเติมแอลกอฮอล์กลั่น เล็กน้อย เพื่อทำให้รสชาติและกิ่นของสาเกโดยรวมอ่อนลง สามารถจับคู่กับอาหารได้ง่ายและได้หลากหลาย เพราะไม่มีรสชาติของสาเกไปรบกวนรสชาติของอาหารมากนัก
Junmai Ginjo (純米吟醸) / Ginjo (吟醸) – ใช้ข้าวถูกขัดสีมากขึ้นกว่าประเภท Junmai โดยมักให้กลิ่นหอมของผลไม้ (ตระกูลแอปเปิ้ล ลูกแพร) และกลิ่นหอมอื่นๆ ตามแต่วัตถุดิบและเทคนิคการทำ
Junami Daiginjo (純米大吟醸) / Daiginjo (大吟醸) – สาเกเกรดพรีเมียม ใช้ข้าวที่ถูกขัดสีมากที่สุดในการทำ ขับเน้นกลิ่นหอมอโรมาติ และรสชาติละเอียดอ่อน มีความเปรี้ยว (acidity) และความอูมามิ ที่น้อยกว่าสาเกชนิดที่ใช้ข้าวที่ขัดสีน้อยกว่า
Nigori (濁り) – สาเกขุ่นที่ยังมีตะกอนของข้าวที่ใช้หมักหลงเหลืออยู่ เพราะไม่ได้ถูกกรองเอาตะกอนข้าว (Sake Katsu) ออกจนหมด มีรสออกหวานถึงหวานมาก มีเนื้อสัมผัสขุ่นข้น
Sparkling Sake – สาเกมีแก๊ส ให้ความรู้สึกสดชื่น ดื่มง่าย คล้ายสปาร์คกลิ้งไวน์
2. เลือกสาเกจากระดับความหวาน จะเลือกได้อย่างไร
ในสาเกจะมีค่าบอกระดับความหวานด้านหลังของขวด เรียกว่าค่า SMV เพื่อให้ผู้ดื่มสามารถวัดความหวานของสาเกได้อย่างคราวๆจากค่าหมายเลข SMV บนขวดสาเก
SMV (Sake Meter Value) บอกระดับความหวาน-ดรายของสาเก
ค่า SMV เฉลี่ยของสาเกทั่วๆไป คือ SMV + 4
SMV + 5 ขึ้นไป = ออกดราย (หวานน้อย) จนถึง ดราย (ไม่หวาน) (辛口, Karakuchi)
SMV 0 ถึง -5 = ออกหวาน ถึงหวานมาก (甘口, Amakuchi)
สาเกที่มีความเป็นกรดสูงจะให้ความ sharp และ crisp ในขณะที่ความเป็นกรดต่ำจะทำให้รสนุ่มขึ้น
3. เลือกสาเกจากอุณหภูมิที่ต้องการจะดื่ม
สาเกบางชนิดเหมาะกับ การดื่มแบบชิล (เช่น Ginjo, Daiginjo)
บางชนิดเหมาะกับการดื่มหลายช่วงอุณหภูมิ ทั้งแบบอุ่น อุณภูมิห้อง และแบบเย็น
(เช่น Junmai, Honjozo)
Nigori และ Sparkling Sake มักจะ เสิร์ฟเย็นๆ เพื่อให้รสชาติสดชื่น
4. ระดับแอลกอฮอล์ของสาเก
สาเกมีแอลกอฮอล์อยู่ที่ 14-16% และ Genshu Sake หรือสาเกที่ไม่ได้เติมน้ำโดยทั่วไปจะอยู่ที่
17-19% ซึ่งแรงกว่าไวน์แต่เบากว่าวิสกี้
เที่ยวบาร์สาเกกับจินนี่ที่ OSAKA JAPAN
บาร์สาเกที่อยากแนะนำ หากท่านใดกำลังแพลนไปเที่ยวที่ Osaka แนะนำร้านนี้เลยค่ะ
Nihonshu Bar Htakeyama 日本酒BAR 畠山 ปิดทุกวันอังคาร เปิด 18.00 - 03.00
เป็นบาร์สาเกที่น่ารักและเป็นกันเองมากๆค่ะ Owner ทำเองทุกอย่างคนเดียว และสปิริตการบริการล้นเหลือมาก เป็นกันเอง และพูดคุยสนุกมากค่ะ เป็นบาร์สาเกที่ประทับใจที่สุดในชีวิตเลย ที่บาร์มีสาเกให้เลือกหลากหลายมาก ตั้งแต่สาเกปกติไปจนถึงตัวพรีเมี่ยม หายาก สามารถสั่งได้ แบบ tasting flight ลองเป็นเซ็ตหลากหลาย เป็นแก้ว หรือจะเปิดขวด ก็ราคาน่ารัก พร้อมมีของทานเล่นด้วยค่ะ ไม่ต้องห่วงว่าดื่มไปมาแล้วจะหิวข้าว ร้านปิดดึกมากค่ะ และเดินทางง่าย ถ้าไปโอซาก้าแล้วไม่อยากให้พลาดเลยค่ะ ><
ฝากติดตาม SAKE DAY 2 สัปดาห์หน้าด้วยนะคะ แล้วพบกันอีกครั้งค่ะ🍶✨
Comments